วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

Into You ✗ Sugar addict #พี่ฟริ้นท์ของน้ำตาล Cut EP 15






ll EP15 ll



หลังจากโอบกอดร่างบางไว้แนบอกผมก็เคลื่อนเข้าหาริมฝีปากสีฉ่ำอีกครั้ง ลัดเลาะชิมตามเรียวปากบางอย่างหยอกล้อ ซึ้งครั้งนี้น้ำตาลขยับตอบกลับมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนผมใจสั่น ก็เพราะอย่างนี้ไงผมถึงได้อยากแกล้งอยู่ตลอด
ผมสอดมือลากสัมผัสขึ้นมาตามผิวเนียนใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง หลังจากปัดป่ายอย่างตามใจตัวเองไปทั่วร่างนิ่ม ระหว่างนั้นผมส่งสายตาจับจ้องเรือนร่างตรงหน้าอย่างไม่วางตา ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีฝาดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งดูแดงเถือกเข้าไปใหญ่และในขณะเดียวกันนั้นดวงตากลมโตก็มองมาที่ผมอย่างจดจ้องไม่แพ้กัน
มันเหมือนกับน้องคงจะอยากรู้แล้วว่าผมจะทำอะไรต่อหลังจากนี้ นั่นคือสิ่งที่ผมสื่อได้จากแววตาคู่ใส ผมรู้ดีว่าน้ำตาลดื้อเงียบมาแต่ไหนแต่ไร เห็นเงียบๆ ซึนๆ แต่ก็แอบชอบท้าทายอย่างที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ 
ผมลากฝ่ามือขึ้นไปตามสัดส่วนที่มีของร่างน้ำตาลอย่างช้าๆ อย่างชื่นชมพลางมองดวงสาใสไปด้วยความปรารถนา มันทำให้ผมใจสั่นไม่ต่างจากเจ้าของร่างหรอกแม้จะเห็นมาเกือบหมดแล้วถึงกี่ครั้งก็ตาม แต่ยิ่งเห็นยิ่งสัมผัสเท่าไหร่กลับไม่เบื่อมีแต่จะอยากได้มากขึ้นๆ ทุกครั้งไป
"พี่จะทำหรอ" เสียงหวานเอ่ยถามกับผมเบาๆ ซึ่งน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสั่นคลอและอารมณ์ที่หลากหลาย
"..." ผมไม่ได้ตอบในทันทีแต่ขยับหน้าเลื่อนลงเข้าหาความอิ่มตรงหน้าแทน 
"คิดว่าจะไม่" 
มันคือสิ่งที่ผมเคยคิดอย่างแน่วแน่และหวังจะทำให้ได้ตามนั้น แต่ในขณะเดียวกันตอนนี้ผมกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของตัวเองอย่างสิ้นเชิง และรู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่าหากผมเริ่มครั้งนี้ จะไม่หยุดอีกเหมือนที่เคย
ทันทีที่ได้แนบชิดเข้ากับความนุ่มนิ่มนั้นกลิ่นหวานละมุนจางๆ ของเจ้าตัวก็ส่งกลิ่นจนทำผมแทบเสียสติ เจ้าของร่างสั่นเทิ้มเป็นการตอบรับ มือน้อยๆ ขยุ้มเข้ากับสาบเสื้อของผมไว้แน่นจนรู้สึกได้ถึงแรงตรึง คงไม่ต่างจากมือผมที่ก็ไม่ได้ปล่อยว่างไว้เหมือนกัน มือผมกอบกุมความนิ่มที่ถูกกั้นโดยเนื้อผ้าของบราอย่างเต็มๆ มือเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ทำแบบนี้จริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง
"..อื้อ" เสียงหวานเล็ดลอดออกมาจากปากเรียวเล็กน้อย และดูเหมือนน้องจะพยายามที่จะไม่ส่งเสียงนั้นออกมาด้วย ผมยังคงกดใบหน้าแนบชิดกับส่วนนั้นและยังไม่ได้ผละออกแต่อย่างใด ในขณะที่กำลังบังคับมือให้ลูบไล้และสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังเนียน
กริ๊ก..
เสียงปลดตะขอดังขึ้นภายในเวลาเพียงครู่เดียว พลันความหนัดแน่นตรงหน้าก็คลายลงเมื่อไร้การตรึงไว้อย่างเก่า ผมก็เลื่อนฝ่ามือสัมผัสไปตามเนื้อผิวอีกครั้งอย่างเพลินมือเพื่อที่จะลากสายบราที่คาดไว้อยู่ให้ลงมาจากไหล่มน ..จากนั้นทั้งปราการก็หลุดลงมาตามข้อมือของผมที่สะบัดมันออกไป
หลังจากโยนบราทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ ผมก็สัมผัสเนินอกนิ่มอย่างไร้สิ่งกีดขวางในขณะที่มือยังขยับอยู่ใต้เชิ้ตนั้น ผมก็ฝังปลายจมูกเข้ากับทรวงอกอิ่มอีกฝั่งผ่านผ้าบางทันทีจนเจ้าของร่างสะดุ้งเฮือก ผมไม่แปลกใจเลยเพราะเราใกล้กันมาก ใกล้จนรู้สึกได้ถึงจังหวะหายใจที่เริ่มเร็วขึ้นของอีกฝ่าย ..เพราะมันกระเพื่อมขึ้นตามจังหวะหายใจของเจ้าของร่างอย่างเย้ายวนสายตา
"อ๊ะ.." 
เสียงหวานหลุดดังขึ้นอีกรอบหลังจากผมงับริมฝีปากเข้าไปที่ความอ่อนนุ่มนั้นผ่านเนื้อผ้าบางลื่น  นิ้วเรียวเล็กที่วางแปะอยู่ตรงบ่าอย่างหาที่ยึด กระตุกขึ้นมาตรงต้นคอของผมพร้อมกดลงมาแน่น จนปลายเล็บเผลอข่วนเข้าที่เนื้อบริเวณนั้นอย่างรู้สึกได้แม้น้องอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ผมทำได้แค่ระบายอารมณ์นั้นออกมาด้วยการออกแรงคั้นของฝ่ามือขึ้นมากกว่าเดิม
ทุกสัมผัสที่ผมสัมผัสได้ตอนนี้ล้วนแต่ถูกเชื่อมเข้าไว้กับน้ำตาลทุกทาง แม้แต่ใบหูที่ได้ยินแต่เสียงหวานที่หลุดร้องดังออกมาตามจังหวะที่ถูกกลั่นแกล้งผมก็ยิ่งได้ใจ เพราะความยั้งใจไม่อยู่จึงทำให้ผมเผลอฝังเขี้ยวลงไปที่เนินเนื้อนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
"อ.. อย่ากัดหนูสิ" 
เมื่อมองดูใบหน้าหวานอีกครั้งจึงเห็นว่าง้ำงอนไปแล้ว ผมทำตามที่น้องขอด้วยการเคลื่อนใบหน้าขึ้นไปหาเรียวปากและพวงแก้มใส ส่วนมือที่หยอกล้อเล่นกับเนินนุ่มนั้นก็เคลื่อนลงลากไปตามหน้าท้องเนียนอย่างเชื่องช้า น้ำตาลคงรู้ว่าเป้าหมายต่อไปของผมคืออะไรจึงได้เปลี่ยนมาจับต้นแขนผมไว้แน่นแทน
"พี่.." 
สำหรับผมน้ำเสียงแบบนั้นไม่ได้ช่วยใจเย็นลงเลยสักนิด อีกอย่างฟังยังไงก็ไม่เหมือนกับว่าจะห้ามกันเลย หึ ร้ายไหมล่ะยัยแมวของผม
ฟอด..
"หืม?" ผมสูดความหอมจากแก้มนิ่มอย่างเต็มปอดพร้อมครางรับและขยับปากถามออกไป "ทำไมหรอ"
"มัน อื้อ.." 
ผมกดนิ้ววนลงบนความอ่อนไหวอย่างจงใจจะแกล้งเจ้าตัวเล็กให้ขาดใจ ก็น้องเล่นทำเสียงหงุงหงิงจนผมแทบอยากจะฟัดให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะเจ็บนะ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมประคบประหงมของผมมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก มันต้องห่วงอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา
"อะ อ่า.." 
"ว่าไงครับ" ผมถามน้องอีกครั้งอย่างเรียกร้อง พลางเคลื่อนใบหน้าต่ำลงอีกครั้งจนอีกคนมองตามมาอย่างตึงเครียด ผมลากริมฝีปากผ่านผิวเนียนลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าท้องแบนราบพร้อมกับลากมือไปตามส่วนโค้งช่วงเอวอย่างพึงพอใจก่อนจะหยุดลงตรงรอยแดงที่ปรากฏก่อนหน้า
เป็นอีกครั้งที่ผมขยับสายตาเตรียมมองปฏิกิริยาของน้ำตาลก่อนที่จะ..
"พ พี่ฟริ้นท์.." น้ำตาลร้องเรียกชื่อผมด้วยใบหน้าแดงก่ำ หลังจากที่ผมแตะเรียวลิ้นผ่านรอยนั้นพร้อมลากวนไปมาอย่างช้าๆ.. เราสบสายตากันจนในที่สุดเจ้าของร่างต้องเป็นฝ่ายเบี่ยงหน้าหนีสายตาจากผมไป
ผมปล่อยให้น้องหันหน้าหนีไปอย่างนั้น เพราะรู้ว่าเดี๋ยวยังไงน้ำตาลก็ต้องหันกลับมาอยู่ดี ในหัวผมนึกถึงแต่แผลอีกที่ซึ่งเป็นที่สุดท้ายบริเวณโคนต้นขาฝั่งขวา คิดได้ดังนั้นจึงเคลื่อนตัวลงมาพร้อมกับลากกางเกงขาสั้นผ้ายืดติดมือมาด้วยภายในเวลาไม่กี่วินาที
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเมื่อถึงจังหวะนั้นน้ำตาลก็หันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทำท่าจะลุกขึ้นมาขัดขวางผมแต่มันก็ไม่ทันแล้ว.. ผมเริ่มขยับนิ้วอีกครั้งอย่างอ้อยอิ่งผ่านปราการช่วงล่างชิ้นสุดท้ายที่ยังคงอยู่ พร้อมเอียงหน้าก้มลงพรมจูบรอยแดงอีกครั้งอย่างอ่อนโยน
จะพูดว่ารอยแผลพวกนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเราก็ไม่ผิด มันอาจจะผ่านมานานมากจนเจ้าตัวลืมที่มาที่ไปแล้วก็ได้ แต่ผมไม่เคยลืม ผมยังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นและความรู้สึกในวัยเด็กของตัวเอง
"อื้อ อย่านะ.." ในตอนนี้ดูเหมือนน้ำตาลจะรู้สึกปั่นป่วนไม่น้อย แต่ถึงแม้น้องจะพยายามดิ้นต่อต้านเท่าไหร่แต่ก็สู้แรงที่ผมยึดสะโพกไว้ไม่ได้อยู่ดี ซึ่งอันที่จริงผมแทบไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ ปกติร่างบางก็แทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ยังอ่อนปวกเปียกไปทั้งร่างแล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนมาสู้ผมกัน
".. ไม่ไหวแล้ว" พอได้หันมองอีกครั้ง ตอนนี้น้ำตาลกลับเอาหลังมือมาปิดหน้าเอาไว้และนอนหอบหายใจอย่างโรยริน
"เป็นอะไร หืม" ผมค่อยๆ ขยับตัวขึ้นไปหาอย่างอ้อยอิ่ง พร้อมดึงมือเรียวที่บังใบหน้าตัวเองไว้ออกและเอื้อมมือไปจับเส้นผมเงาให้ออกจากใบหน้าจิ้มลิ้ม ก่อนจะลูบหัวอย่างเอ็นดูเหมือนที่มักชอบทำบ่อยๆ
"ไม่ไหว หนู.." เสียงเล็กนั้นตอบกลับมาอย่างไม่ได้ใจความเท่าไหร่แต่ผมก็พอเข้าใจได้
"ไม่ไหวแล้วหรอ" ผมยิ้มในขณะที่มองใบหน้าหวานในระยะใกล้ รู้สึกได้ว่าลำคอมันแห้งจนเสียงแหบพร่าไปหมด ผมแทบจะไม่ไหวอยู่รอมร่อ ในขณะที่ร่างของน้องอ่อนยวบเหมือนพร้อมจะจมละลายหายไปได้ทุกขณะ 
"อะ! อื้อ!" 
เมื่อส่งนิ้วสอดแทรกผ่านเข้าไปในความอ่อนนุ่มชุ่มชื้น ใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเซ็นก็เอียงหนีซบเข้ากับหน้าอกผมอย่างไม่ต้องการสู้หน้ากัน ผมจึงใช้มืออีกข้างจับปลายคางเรียวให้หันกลับมารับจูบอย่างเอาแต่ใ
"เด็กดี" 
ผมเอ่ยปากชมเด็กดีที่เริ่มตอบรับจูบนั้นกลับมาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ พลางใช้นิ้วเกลี่ยหยดย้ำใสที่อยู่มุมปากเรียวและกดลงไปบนความนุ่มนั้น ดวงตาใสปรือขึ้นมาสบสายตากับผมก่อนจะแยกเขี้ยวงับเข้ามาที่ปลายนิ้วอย่างต่อต้านที่ผมรังแกเธอไม่หยุด
ความคมของเขี้ยวไม่ได้ทำให้ผมเจ็บแต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกอยากรังแกแมวตัวนี้จนแทบทนไม่ไหว
ผมเอื้อมหยิบคอนดอมก่อนจะจัดการตัวเองในเวลาเพียงพริบตาเดียว ขณะที่สายตายังคงจ้องมองท่าทางของร่างเล็กที่หันหนีอย่างไม่กล้าสู้หน้าอย่างแทบยั้งไม่ไหว
"อ๊ะ..!"
ผมก้มลงสอดแทรกตัวตนเข้าไปในความอ่อนนุ่มอย่างใจเย็น ในขณะที่เจ้าของร่างอ่อนปวกเปียกจิกเล็บแหลมเข้ามาที่ต้นคอผมอย่างเกร็งเครียด ผมไม่แม้แต่จะเอ่ยปากใดๆ เพื่อแนะนำน้ำตาลแต่กลับก้มลงไปพรมจูบที่ซอกคอหอมอย่างปลุกเร้าอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันเสียงอื้ออึงงัวเงียที่ข้างใบหูก็ปลุกอารมณ์ผมไม่หยุดด้วยเช่นกัน
ผมไม่ใช่พวกโปรหรือช่ำชองอะไรนัก รวมถึงยังไม่มั่นใจในความอดทนและอารมณ์ของตัวเองด้วย คิดไว้แล้วว่ามันคงยากที่จะสงบสติอารมณ์หรือข่มตัวเองให้ใจเย็น ยิ่งในตอนนี้ผมพบว่ามันยากกว่าที่คิดจริงๆ เพราะสติผมกระเจิงจนกู่แทบไม่กลับแล้ว
"อ๊ะ.. อา.."
เมื่อเวลาผ่านไปได้เพียงสักพักผมก็เริ่มขยับกายอย่างใจร้อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ใส่อารมณ์ไปเต็มแรงทั้งหมด ผมยังคงพยายามยั้งตัวเองไว้อยู่เพราะถึงคิดว่าน้องคงพร้อมมากกว่าตอนแรกยังไงแต่ก็ยังคงรับแรงทั้งหมดไม่ไหวอยู่ดี ช่องทางอ่อนนุ่มบีบรัดตัวตนผมจนแทบละลาย ใบหน้าสวยที่ผมจดจ้องอย่างไม่ละสายตาเปียกปอนไปด้วยความร้อนชื้น เส้นผมที่ติดยุ่งตามใบหน้าที่แดงซ่าน ปลายจมูกรั้น ดวงตาและริมฝีปากฉ่ำนั้นดึงดูดสายตาผมอย่างต้องมนตร์ ทั้งที่ผมจ้องมองไปไม่รู้ต่อกี่ครั้ง
ผมลูบไล้กรอบหน้าเรียวที่เชิดขึ้นรับอารมณ์ที่ส่งไปอย่างไม่หยุดยั้งก่อนที่มือนิ่มจะประสานทับลงมากับหลังฝ่ามือของผมอย่างแนบแน่น เรียวปากบางส่งเสียงครางหวานระงมจนผมแทบไม่มีสติและได้ยินเสียงอะไรนอกเหนือจากนั้นอีกเลยจริงๆ
มันหวาน หวานไปหมด จนผมผมคิดว่าถ้ามันมากกว่านี้ผมคงจะละลายหายไปในไม่ช้า


NAMTAN PART

"อืออ..." 
ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกพวกนี้ยังไงดี ทุกอย่างมันปั่นป่วนจนไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนก่อนดี จากที่รู้สึกทรมานเจ็บจนจะขาดใจให้ได้ตอนนี้กลับมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาอย่างวาบหวิว ฉันได้ยินทั้งเสียงของตัวเองและของพี่ฟริ้นท์ประสานไปพร้อมๆ กัน แต่ก็ยังโฟกัสอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่คิดว่าทุกอย่างมันเร็วไปหมดแต่ในขณะเดียวกันที่รู้สึกได้ตอนนี้มีแต่ความเนิบนาบที่ทำให้ใจฉันมันเหลวไปหมด
ฉันชอบทุกๆ สัมผัสของเขาอย่างหน้าไม่อาย ไม่ว่าสัมผัสนั้นจะลากไปยังส่วนไหนของร่างกายก็ตามแต่ รวมถึงตอนนี้ความร้อนวูบวาบที่อยู่ต้นคอและใบหูในขณะที่นิ้วมือสากลากวนไปทั่วแผ่นท้องจนชวนให้ปั่นป่วน แต่แรงดันจากคนตัวใหญ่ที่ส่งมาให้ก็หนักแน่นจนทำให้รู้สึกอ่อนปวกเปียกไปทั้งร่างเหมือนกัน ฉันรู้สึกเหมือนราวกับว่าทุกครั้งๆ ที่เขาทับโถมลงมานั้นมันทำให้เราแนบชิดกันมากขึ้นทีละนิดๆ จนแทบไม่เหลือที่ว่างระหว่างกันเลย
ทุกอย่างมันมากไปเกินที่จะรู้สึกได้
"อะ.. อา.. มากไปแล้ว แฮ่ก.." ใบหูฉันได้ยินเสียงของตัวเองตลอดและแน่นอนว่ามันยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป กว่าที่จะพยายามสื่อสารออกไปได้ก็ต้องใช้พลังมหาศาลเหลือเกิน ดวงตาของฉันปรืออย่างหนักอึ้งแทบจะปิดอยู่รอมร่อแต่มันก็ไม่สามารถเป็นไปตามนั้นได้ ฉันโอบกอดอีกร่างเอาไว้อย่างแนบชิดก่อนจะเลื่อนไปคล้องคอหนาแล้วรั้งลงมาใกล้
ทั้งที่สิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ก็ทำให้ใจเต้นแทบไม่หยุดแล้วแต่การที่เราจ้องตากันแบบนี้มันเพิ่มจังหวะขึ้นไปอีกอย่างน่ากลัว สายตาที่พี่ฟริ้นท์ส่งมาให้มันช่างอันตรายจริงๆ แต่ฉันกลับชอบที่จะมองอยู่อย่างนั้น ฉันออกแรงอันน้อยนิดรั้งใบหน้าของอีกคนเข้ามาก่อนจะจูบเขาอย่างทนไม่ไหว
ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำตามใจแบบนี้ได้เลย รู้แค่ว่ามันน่าอายจริงๆ ที่ฉันชอบแบบนี้ ชอบที่จะได้ทำตามใจตัวเองแบบนี้..


link นิยาย : https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1625504







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น